Tuesday, 5 July 2011

สาเหตุของการเกิดตะไคร่ในตู้ปลา

สาเหตุของการเกิดตะไคร่น้ำหลากหลายสายพันธุ์นั้นมีมากมายกลายสาเหตุ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยที่เราไม่สามารถรับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งหลายของเรา เช่น การเปลี่ยนแปลงไปของสัดส่วนของสารอาหารในตู้หรือแม้กระทั่งการค่อยๆลดลงของความเข้มข้นของแสงเมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้นจะขอกล่าวถึงสาเหตุเพียงส่วนหนึ่งที่ได้รับจากคลังข้อมูลต่างๆ สาเหตุต่างๆ ที่นำไปสู่การเกิดตะไคร่น้ำก็คือ

1. ตู้ที่เพิ่งจัดเสร็จ และขาดประสบการณ์ในการควบคุมปัจจัยต่างๆ
คุณภาพและการดูแลน้ำช่วงที่ระบบแบคทีเรียยังไม่แข็งแรง และอีกมายมายสารพัด ปัญหานี้ถือเป็นประตูด่านแรกของการเลี้ยงพรรณไม้น้ำ ผู้เลี้ยงปลาหลายๆราย พอเจอตะไคร่รุมเร้ามากๆเข้าก็ถอดใจ ลองใช้ช่วงเวลาที่บังเอิญเกิดตะใคร่นั้น เฝ้าสังเกตการเปลี่ยนแปลงก็จะได้ความรู้ความเข้าใจมากทีเดียว เรียกว่าผิดเป็นครูไงคะ

สาเหตุการเกิดตะไคร่น้ำในตู้ปลา
2. ความเข้มของแสงและพันธุ์ไม้ที่นำมาเลี้ยง

3. การให้สารอาหารมากหรือน้อยเกินไป แร่ธาตุบางตัวถ้าให้มากเกินไป มีผลเร่งการเจริญเติบโตของตะไคร่ เช่น ธาตุเหล็ก

4. การให้อาหารปลาที่มากเกินไป
อาจกล่าวได้ว่าปริมาณปลาที่เลี้ยงไว้ในตู้ ต้นไม้สัมพันธ์โดยตรงกับความสมบูรณ์ของต้นไม้ การได้มาซึ่งไนโตรเจนและฟอสฟอรัสในตู้พรรณไม้น้ำจึงได้จากอาหารปลาเป็นหลัก ดังนั้นนอกจากปริมาณของอาหารปลาที่ให้แล้ว ชนิดหรือยี่ห้อของอาหารปลาก็เป็นสิ่งที่ควรต้องพิจารณาในการเลือกซื้อให้เหมาะกับตู้ของเราเช่นกัน

5. การขาดการดูแลเปลี่ยนถ่ายน้ำ
เมื่อใดก็ตามที่ตู้ขาดการดูแลเปลี่ยนถ่ายน้ำเกิน 2 สัปดาห์ขึ้นไปปัญหาเรื่องตะไคร่น้ำจะเริ่มเห็นชัดขึ้นมากเรื่อยๆ ทั้งนี้เพราะเวลาผ่านไปมากขึ้น ในขณะที่สารบางตัวยังเหลือใช้อยู่ ดังนั้นสัดส่วนของสารอาหารก็จะผิดเพี้ยนไป การเปลี่ยนถ่ายน้ำจึงเสมือนการบาลานซ์สัดส่วนของสารอาหารต่างๆใหม่

6. ขาดตัวควบคุมปริมาณตะไคร่ที่เหมาะสม
ตัวควบคุมตะไคร่ที่ได้รับการยอมรับ ในแวดวงผู้เลี้ยงไม้น้ำได้แก่ กุ้งยามาโตะ, ปลาเล็บมือนาง, ปลาซัคเกอร์แคระ (Octosyncus) สิ่งมีชีวิตเหล่านี้จำเป็นต้องมีในตู้ไม้น้ำเพื่อเป็นตัวควบคุมไม่ให้การเกิดแพร่กระจายของตะไค่ร่ขึ้นได้ง่าย

7. ระบบแบคทีเรียสูญเสีย หรือเสียหายไปเป็นจำนวนมาก
ในช่วงการล้างตู้ โดยเฉพาะถ้าเราใช้น้ำประปาล้างตู้ ก็เท่ากับว่าเราเซ็ดตู้ใหม่ เริ่มใหม่ ซึ่งเสี่ยงกับการเกิดตะไคร่อีกเช่นเคย

8. ปลาที่ตายและไม่ได้เก็บออก
โดยเฉพาะเมื่อปลาที่ตายนั้นมีขนาดใหญ่ ควรรีบเอาออกโดยด่วน

No comments: