1. น้ำ
แน่นอนว่าการเลี้ยงปลาทะเลก็จำเป็นที่จะต้องใช้น้ำเค็มในการเลี้ยงโดยแหล่งน้ำที่ใช้้เลี้ยงนั้นสามารถหาได้โดยใช้น้ำทะเลจริง ซึ่งควรจะใช้น้ำทะเลที่ห่างจากฝั่งพอสมควรเพื่อที่จะได้ไม่ีมีมลภาวะต่างๆ หรืออาจจะซื้อน้ำทะเลที่มีขายอยู่ตามร้านขายปลาทะเลก็ได้ นอกจากนี้อาจจะใช้เกลือสังเคราะห์สำหรับเลี้ยงปลาทะเลโดยเฉพาะซึ่งหาซื้อได้ทั่วไป มีหลายยี่ห้อและเป็นที่นิยมเนื่องจากสะดวกกว่า จากนั้นก็นำเกลือที่ได้นำมาผสมน้ำตามสัดส่วนที่ระบุไว้ข้างถุง โดยน้ำที่ใช้ถ้าเป็นน้ำกลั่นจะดีมาก หรืออาจใช้น้ำที่กรองแล้วเนื่องจากการใช้น้ำประปาจะมีฟอสเฟสมาก และเป็นที่มาของตะไคร่ในตู้ ทำให้เกิดความไม่สวยงามได้ซึ่งการผสมน้ำนั้นให้ค่อยๆเทเกลือลงในน้ำและคนอาจเปิดปั๊มอ๊อกหัวทรายเพื่อให้น้ำไหเวียน
หรืออาจจะผสมลงตู้เลยก็ได้ และใช้อุปกรณ์สำหรับวัดความเค็ม (Hydrometer) ซึ่งวัดในรูปความถ่วงจำเพาะให้ได้ค่าประมาณ 1.020-1.025 โดยเครื่องวัดความเค็มนั้นมีหลายราคาตั้งแต่ถูกจนถึงแพง
การเลี้ยงปลาทะเล |
ระบบกรองน้ำในตู้นั้นมีความสำคัญมากเนื่องจากจะเป็นตัวกำหนดคุณภาพน้ำภายในตู้ ซึ่งจริงๆแล้วระบบกรองในตู้ทะเลมีหลายแบบและมีข้อดี-ข้อเสียต่างกันออกไปในที่นี้จะกล่าวถึงระบบที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้และมีคุณภาพ นั่นคือการใช้ระบบกรองข้างภายในตู้ หรือการใช้ระบบกรองล่าง ภายนอกตู้ ซึ่งจะต้องมีปั๊มดูดน้ำจากในตู้ไปยังช่องกรองซึ่งสำหรับกรองข้างนั้นภายในอาจจะบรรจุด้วย...
- ใยแก้ว ชั้นบนสุดสำหรับกรองเศษสิ่งสกปรกซึ่งอาจจะเกิดการหมักหมมได้ดังนั้นจึงควรหมั่นทำความสะอาดด้วย
- Bio ball เพื่อเพิ่มการแตกตัวของน้ำ ทำให้ผิวสัมผัสระหว่างน้ำกับอากาศมากขึ้นจึงเป็นการเพิ่มอ๊อกซิเจนในน้ำให้สูงขึ้น
- เศษปะการัง , เปลือกหอยนางรมทุบ หรือ Bio ring เพื่อเป็นการ เพิ่มพื้นที่สำหรับเป็นที่อยู่ของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในการย่อยสลายของเสียในระบบของเรา ( วัสดุต่างๆอาจปรับเปลี่ยนได้ตามความสะดวกของผู้เลี้ยง )
สำหรับระบบกรองล่างนอกตู้ันั้น จะยุ่งยากกว่าเล็กน้อยแต่จะมีประสิทธิภาพในการกรองมากกว่าระบบกรองข้าง ซึ่งการกรองแบบนี้จำเป็นต้องมีตู้กรองแยกออกมาจากตูู้็หลักและมีการดูดน้ำจากตู้หลักมายังตู้กรอง โดยเจาะรูที่ด้านข้างของตู้หลัก และใช้ท่อส่งน้ำเข้าตู้กรอง ซึ่งตู้กรองนั้นจะแบ่งเป็นช่องย่อยๆสำหรับกรองน้ำขึ้น ลงจากฝั่งนึงไปยังฝั่งนึงและใช้ปั๊มสูบน้ำขึ้นไปยังตู้หลัก โดยตู้กรองจะแบ่งเป็นช่องๆดังนี้..
- ช่องแรก มักใส่พวก ใยแก้ว รวมถึง Bio ball ซึ่งอาจจะเกืดการหมักหมมได้
- ช่อง 2 ใส่เศษปะการัง , เศษเปลือกหอยนางรม , Bio ring หรือวัสดุกรองอื่นๆ( 2 ช่องแรกใช้เนื้อที่ประมาณ 30% )
- ช่อง 3 จะใช้เป็นพื้นที่สำหรับปลูกสาหร่าย เพื่อดูดซับสารพิษหรือแร่ธาตุที่มีผลเสียบางอย่างและเป็นการเพิ่มอ๊อกซิเจนในน้ำหรือใส่หินเป็น เพื่อเป็นที่อยู่ของแบคทีเรียสำหรับกระบวนการกำจัดของเสียจำพวกไนเตรตภายในตู้เรียกว่า Refugium ซึ่งอาจต้องติดตั้งไฟสำหรับเลี้ยงสาหร่ายให้สังเคราะห์แสง สำหรับส่วนนี้จะเป็นส่วนที่พัก สำหรับสิ่งมีชีวิตเล็กๆ และระบบกรองทางชีวภาพซึ่งจะกล่าวรายละเอียดต่อไป
จากที่กล่าวมา สำหรับกรองล่างนั้นสามารถสั่งทำได้จากร้านค้าสำหรับทำตู้ปลาได้เลยและอีกสิ่งที่ต้องคำนึงคือขาสำหรับตั้งตู้ปลาไม่ควรเป็นขาเหล็กเนื่องจากอาจเกิดสนิมได้ทำให้ไม่แข็งแรง ที่นิยมคือขาไม้เนื่องจากไม่เป็นสนิม
No comments:
Post a Comment